“Milan” The City of Dreamers

3rd Stop: Milan

The City of Dreamers

มิลาน เป็นเมืองที่เราชอบเป็นอันดับต้นๆ ของเมืองที่เคยไป มันคือสถานที่ที่เต็มไปด้วยศิลปะของศิลปินอันเลืองชื่อของโลก เราเชื่อว่ามันคือดินแดนในฝันของคนรักศิลปะ เรื่องราวในอดีตกาลของมิลานและห้องเสื้อสุดยอดดีไซเนอร์ของโลกดูเหมือนจะผสมผสานกันอย่างลงตัว กลายเป็นเสน่ห์ของเมืองที่ไม่มีที่ไหนเหมือน การเดินสำรวจเมืองไปพร้อมๆ กับศิลปะของ Leonardo Da Vinci และ Michelangelo ที่ได้แทรกซึมอยู่ในสถานที่สำคัญต่างๆ ของเมือง มันคือความรู้สึกที่ไม่มีวันลืม ครั้งนี้มีความพิเศษ รู้สึกตื่นเต้นที่ได้กลับไปอีกพร้อมกับสามี ผู้ร่วมชีวิตและเพื่อนร่วมทางในทุกๆ วันของเรา เราสองคนออกเดินทางจากสถานีรถไฟ Interlaken West ในช่วงเช้าประมาณ 9 โมง เพื่อเดินทางสู่เมืองมิลาน

Welcome to our home,

ครั้งนี้เราพักกันที่อพารต์เมนท์แถว Tortana ภายในห้องพักที่น่ารักและอบอุ่นแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในสถาปัตยกรรมแบบโมเดริ์น วัสดุหลักๆ จะเป็นเหล็กกับกระจก พื้นและเฟอร์นิเจอร์เป็นไม้สีเข้ม และ สีอ่อน ห้องนี้ได้ใช้แสงธรรมชาติจะภายนอกมาสู่ภายในได้อย่างดีทีเดียว เราจองบ้านหลังนี้ผ่าน Airbnb โดยปกติเราสองคนก็จะหาบ้านในแบบที่เราชอบ ตกแต่งภายในแบบถูกจริตกับเรา ภายใต้งบที่เราได้ตั้งไว้ รูปจากเว็บที่เราเห็น ไม่ต่างกับสถานที่จริงเลย เราประทับใจมากที่มันสวยกว่าที่เราคาดไว้ซะอีก

Duomo di Milano

ย้อนกลับไปในปี 1383 ที่ความศรัทธาในศาสนาของราชวงศ์ Visconti ได้มีต่อ Roman Catholic ทำให้มหาวิหาร Duomo di Milano กลายเป็น mega project ที่ใช้เวลาสร้างร่วม 500 ปี สถาปนิกเลื่องชื่อของโลกจาก 3 ประเทศ ได้มาร่วมกันออกแบบมหาวิหารที่ยิ่งใหญ่ มหาวิหารแห่งนี้มีรูปปั้นแกะสลักทำจากหินอ่อนมากกว่า 5,000 ชิ้น ทุกชิ้นมีรายละเอียดแตกต่างกัน และที่น่าตื่นเต้นคือ รูปปั้นอันแสนวิจิตรเหล่านี้บอกเล่าเรื่องราวแต่ละตอนในพระคัมภีร์ หินอ่อนทุกชิ้นที่นำมาก่อสร้างในโบสถ์นี้ ได้นำมาจากเมือง Candoglia เมืองที่อยู่ห่างออกไปจากมิลานหลายร้อยกิโลเมตร หินอ่อนสีชมพูถูกลำเลียงมาทางเรือ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ระบบคลอง The Navigli

The Navigli คลองขุดที่ออกแบบโดย Leonardo Da Vinci เมื่อก่อนมิลานเป็นเมืองปิด จึงจำเป็นต้องขุดคลองเป็นเสมือนทางเชื่อมเมืองและแม่น้ำเพื่อสร้างความคล่องตัวในการค้ามากขึ้น ว่ากันว่า ระบบคลอง The Navigli ได้มีการขุดเพิ่มเพื่อนำหินอ่อนมาที่โบสถ์โดยเฉพาะ ปัจจุบันรอบๆ คลองแห่งนี้มีร้านอาหาร bar และร้านค้าฮิปๆ มากมาย เรียงรายตามริมถนน หนุ่มสาวชาวมิลานมานัดพบกันในบริเวณนี้ในช่วงเย็น จึงทำให้บรรยากาศแถวนี้ในช่วงเย็นค่อนข้างคึกครื้น เราสองคนพักอยู่บริเวณแถวนี้ ทุกวันจะเห็นผู้คนยิ้มแย้ม ดื่มด่ำกับบรรยากาศและพูดคุยกันสนุกตลอดทาง ในตอนกลางวันเราเดินเล่นไปเรื่อยๆแล้วก็ไปพบเจอร้านเสื้อผ้าที่เป็น select shop สวยๆ ได้แอบอยู่ในซอยต่างๆ อย่างน่าสนใจ

ภายในอาคารของ Duomo di Milano มีลักษณะเป็น vault structure ตามรูปแบบของสถาปัตยกรรมแบบโกธิค ลักษณะอาคารเป็นแบบลู่สูง ตกแต่งด้วยกระจก stain glass ความสวยงามที่สุดอย่างหนึ่งของที่นี่คือแสงที่พาดเข้ามาสู่ในอาคาร ผ่านช่องแสงกระจกที่ทะลุออกมาแบบดุดันผสมความกล่มกล่อมของสี ความยิ่งใหญ่อลังการของมหาวิหารน้ี สะกดทุกสายตาที่เดินผ่าน สร้างความน่าค้นหาที่ทำให้คนจากทุกมุมโลก ใฝ่ฝันที่จะได้มาสัมผัสกับสถานที่จริงๆ แห่งนี้ ซักครั้งในชีวิตภายในอาคารของ Duomo di Milano มีลักษณะเป็น vault structure ตามรูปแบบของสถาปัตยกรรมแบบโกธิค ลักษณะอาคารเป็นแบบลู่สูง ตกแต่งด้วยกระจก stain glass ความสวยงามที่สุดอย่างหนึ่งของที่นี่คือแสงที่พาดเข้ามาสู่ในอาคาร ผ่านช่องแสงกระจกที่ทะลุออกมาแบบดุดันผสมความกล่มกล่อมของสี ความยิ่งใหญ่อลังการของมหาวิหารน้ี สะกดทุกสายตาที่เดินผ่าน สร้างความน่าค้นหาที่ทำให้คนจากทุกมุมโลก ใฝ่ฝันที่จะได้มาสัมผัสกับสถานที่จริงๆ แห่งนี้ ซักครั้งในชีวิต

“คนสร้างศาสนา ศาสนาสร้างคน”

Or Vice Versa

มันคงเป็นความน่าภาคภูมิใจของคนมิลานมิใช่น้อย ที่ครั้งความยิ่งใหญ่นี้ เริ่มต้นเมื่อ ศตวรรษที่ 12 ซึ่งเป็นเวลานานกว่า 800 ปีมาแล้ว ความเลื่อมใสในศาสนาที่ Visconti ได้พยายามบอกเล่ากับชาวโลกและเป็นการบ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่และความบ้าอำนาจ ทำให้ทุกวันนี้ เราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า เรื่องราวของสถาปัตยกรรม เป็นมากกว่าสิ่งก่อสร้าง สิ่งปลูกสร้าง แต่มันคือเรื่องราวที่บอกเล่าถึง วัฒนธรรม สังคม ศาสนา และวิธีชีวิตของคนได้เป็นอย่างดี

Milan Around

บรรยากาศโดยรวมของ 3 วันที่เราได้ใช้เวลาในทริปนี้ที่เมืองมิลาน อย่างแรกที่เราเดินสำรวจก็คือระแวกของที่พัก เดินไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะเข้าไปในเมือง เราได้เจอร้านเก๋ๆ ตามตรอก ซอก และมุมต่างๆ แต่ละร้านมีความแตงต่าง มีความหลากหลายของงานดีไซน์ที่ทำให้เราไม่เบื่อ บวกกับบรรยากาศของเมืองที่เต็มไปด้วยตึกเก่าหลายร้อย หลายพันปี เราทั้งสองคนสนุกกับการถ่ายรูปมากๆ เพราะทุกที่มีความหมาย และน่าค้นหา โทนสีของเมืองก็คุมโทนได้สวยงามจริงๆ

การเดินทางมามิลาน สิ่งแรกที่จำเป็นคือ สติ เพราะว่ามิจฉาชีพที่นี่ขึ้นชื่อติดท๊อปเทนแน่นอน สิ่งที่เราทำตลอดคือ ไม่กางแผนที่ในที่สาธารณะเพราะจะทำให้เป็นที่น่าจำตามอง มิจฉาชีพจะเข้าหานักท่องเที่ยวนี่แหละคะ เราและสามีจะช่วยกันดูเรื่องกระเป๋า เราจะใช้กระเป๋าเป้เพราะของเยอะ ถ้าต้องอยู่ที่คนเยอะๆ จะสะพายไว้ข้างหน้าเสมอ เราคิดว่าเมืองที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมานั้น จะมาพร้อมกับพวกมิจฉาชีพ ถ้าเรารักที่จะเดินทาง เราต้องเดินทางอย่างมีสติ ครั้งที่ไปรอบแรกเคยรู้สึกกลัว เพราะพี่สาวไปเรียนอยู่ที่นั่นแล้วได้เล่าเรื่องราวที่เพื่อนๆและครอบครัวของเพื่อนๆบางคน ได้โดนโจรมิลานเล่นงานไปมากอยู่ อย่างไรก็ตาม เราก็ไปแบบกล้าๆกลัวๆ เพราะยังไงก็ตั้งใจว่าจะต้องไปดูโบสถ์ให้เห็นกับตาสักครั้ง มิลานเป็นเมืองที่สวยงามมาก เป็นเมืองที่เป็นสุดยอดของงานศิลปะ งานสถาปัตยกรรม งานดีไซน์ต่างๆ และที่ขาดไม่ได้คืออาหารอิตาเลี่ยน อยากให้ทุกคนลองไป แล้วคุณจะตกหลุมรักเมืองนี้แน่นอน